รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV (Electric Vehicle) กลายมาเป็นตัวเลือกยานพาหนะที่เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนบนโลกนี้เพิ่มมากขึ้นด้วยหลากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ ก็คือเรื่องของการช่วยลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้รถยนต์ที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนนั่นเอง

จากสถิติในประเทศไทยเอง เทรนด์การใช้รถ EV มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นี่คือก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยเองก็เริ่มให้ความสนใจหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาปกันเพิ่มมากขึ้น โดยก็มีหลายค่ายรถยนต์ที่ พยายามผลิตรถยนต์ EV เพื่อมาตีตลาดผู้บริโภคบ้านเรา ซึ่งก็มีหลายรุ่นที่ต้องบอกเลยว่าน่าใช้งานเป็นอย่างมาก โดยในบทความนี้ เราก็ได้นำเอาข้อมูลรุ่นที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทยมาฝากกัน จะมีรถยนต์รุ่นใด ยี่ห้อใดบ้างไปติดตามกันได้เลย

5 รุ่นรถ EV น่าสนใจ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานในไทย

1. Neta V 

Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายจีน ที่เข้ามาตีตลาดบ้านเราด้วยการทำราคาน่าใช้งาน โดยมีราคาค่าตัวหลังหักส่วนลดพิเศษจากภาครัฐอยู่ที่ 549,000 บาท ซึ่งเป็นราคารถไฟฟ้าที่เอื้อมถึงมากที่สุดในบรรดารถ EV ด้วยกันเอง Neta V เป็นรถที่ขับเคลื่อนไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 40.7 kWh สามารถวิ่งด้วยระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ประมาณ 384 กิโลเมตรจากการทดสอบตามมาตรฐาน NEDC ตัวมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เป็นรถที่เน้นออกตัวได้ดี ไม่เน้นความเร็วปลาย เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานหรือส่งลูกที่โรงเรียนใกล้บ้าน เป็นต้น

2. MG4 Electric 

รถไฟฟ้า MG4 Electric มีกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ขุมพลังแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 50.8 kWh วิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 425 กิโลเมตร ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งกำลังเพิ่มมากขึ้น มีระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ 5-LINK SUSPENSION ทำให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนน และการเข้าโค้งทำได้อย่างเฉียบคมและมีเสถียรภาพดีเยี่ยม MG4 Electric ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อยคือ
– รุ่น D ราคา 869,000 บาท
– รุ่น X ราคา 969,000 บาท

ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกรถ EV ที่น่าสนใจไม่น้อย

3. BYD Atto 3 

BYD Atto 3 คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในประเทศไทย การันตีได้จากยอดขายอันดับ 1 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เป็นรถ EV ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขุมพลังแบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) มีอุปกรณ์มาตรฐานภายในที่ครบครัน ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการในการขับขี่ ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย คือ 

– Standard Model ความจุแบตเตอรี่ 49.92 kWh วิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 410 กิโลเมตร ราคา 1,099,900 บาท
– Extended Model ความจุแบตเตอรี่ 60.48 kWh วิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 480 กิโลเมตร ราคา 1,199,900 บาท

4. ORA Good Cat 

ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหน้าตาน่ารักแบะสวยงามน่ารัก เมื่อเทียบกับบรรดารถ EV ในประเทศไทยทั้งหมด มีการออกแบบรูปทรงรถทั้งภายนอกภายในให้มีความคลาสสิก เป็นรถที่ได้รับการพัฒนามาจากแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถทำงานได้อย่างอัจฉริยะ ตัวรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะความปลอดภัยขั้นสูง โดยมีหลากหลายรุ่นย่อย รุ่นที่นำมาแนะนำคือ ORA Good Cat GT ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium Ternary ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 500 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,286,000 บาท

5. Tesla Model Y 

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y เป็นรถที่ถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงสุด มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และโครงสร้างรถแข็งแรงทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการกระแทกได้ดี โดย Tesla Model Y ในไทยประกอบด้วย 3 รุ่นย่อย คือ 

– รุ่น Rear-Wheeld Drive ราคา 1,699,000 บาท
– รุ่น Long Range ราคา 1,999,000 บาท
– รุ่น Performance 2,299,000 บาท 

Tesla Model Y Performance ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งบริเวณเพลาทั้งด้านหน้าและหลัง ใช้แบตเตอรี่รุ่น Long Range ความจุแบตเตอรี่ 75 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ประมาณ 582 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC มีกำลังสูงสุด 534 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร และสามารถทำความเร็วรถสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 รถ EV ที่นำข้อมูลมาฝากกัน สำหรับใครที่สนใจรถไฟฟ้ารุ่นใดเป็นพิเศษ ขอเชียร์ให้ไปติดต่อศูนย์ใกล้บ้านท่านเพื่อขอทดลองขับ เพื่อให้รู้ว่าชอบหรือไม่ เพราะรถยนต์ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อก็ควรใช้เวลาเลือกให้ได้รุ่นรถ และยี่ห้อที่ถูกใจและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อให้ใช้งานต่อไปได้อย่างสบายใจ